วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

25 สิ่งประดิษฐ์ณปี 2014 Apple Watch, Surface Pro 3 กับไม้ Selfie ติดโผด้วย

25 สิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2014 , Surface Pro 3 ด้วยกันไม้ Selfie ติดโผด้วย
นิตยสาร TIME จัดอันดับ 25 สิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2014 เพราะมีอุปกรณ์ด้านไอทีหลายชนิดที่ติดโผในปีนี้ รวมไปถึงไม้ Selfie ด้วย
สิ่งประดิษฐ์ด้านไอทีที่ติดโผในปี 2014 ขอหยิกยกกล่าวถึงบางชนิด อันได้แก่ Apple Watch ซึ่ง TIME ได้ให้รายละเอียดว่า เป็นคอมพิวเตอร์บนข้อมือที่ใช้ส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบใหม่ ในรูปแบบของหน้าจอระบบสัมผัส ด้วยกันปุ่มดิจิตอลคราวน์ที่คล้ายกับนาฬิกาทั่วไป ไม่ใช่หรือในชื่อเม็ดมะยม ศักยใช้ในการส่งข้อความ, ติดตามพฤติกรรมการออกกำลังกาย กับการชำระเงินไร้สาย (Apple Pay)
BlackPhone สมาร์ทโฟนตัวแรกที่ให้ความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุด ด้วยการปรับแต่ง Android พร้อมกับใช้ซอฟต์แวร์ที่มีการเข้ารหัสทุกครั้งที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการโทร, ส่งข้อความ พร้อมทั้งความเป็นมาการเข้าใช้งานเบราว์เซอร์
Surface Pro 3 จาก Microsoft ที่มาพร้อมกับคำนิยามที่ว่า “แท็บเล็ตที่มาแทนที่แล็ปท็อป” ด้วยหน้าจอขนาด 12 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันการใช้งานด้านเอกสารทะลุทะลวงแอพพลิเคชั่น Office Word, Excel ด้วยกัน PowerPoint ตอบสนองการใช้งานด้วยปากา, คีย์บอร์ดด้วยกันขาตั้งในหลากหลายมุม
ไม้ Selfie นับเป็นหนึ่งในแก็ดเจ็ตที่กลายเป็นความนิยมในสังคมผู้ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งหน้าที่ของไม้ Selfie คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันให้มากความ  ก็เพราะว่าเชื่อว่าน่าจะเป็นอีกอุปกรณ์ที่ติดกระเป๋าผู้อ่านหรือว่าคนข้างๆของท่าน เช่นเดียวกับ Power Bank
Hoverboards สเก็ตบอร์ดลอยได้ จากอุปกรณ์ในภาพยนตร์ Back to the future อันโด่งดังตราบใดหลายสิบปีก่อน เวลานี้ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจในชีวิตจริงๆ และมีแนวโน้มที่จักวางจำหน่ายแน่ๆอีกด้วย
เพื่อสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ แม้ท่านต้องการทราบว่ามีอะไรอีกบ้าง ศักยเข้าไปชมได้ที่นี่ครับ >>> TIME <<< 
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ภาพอัพเดทการตั้งที่ประกอบการประเสริฐแห่งอีกครั้งของ Apple

เป็นโปรเจคใหญ่ข้ามปีที่ไม่ได้ไกลเกินไปแล้ว เหตุด้วยสำนักงานใหญ่ของ Apple แห่งใหม่ ที่เดินเรื่องขอสร้างตั้งแต่เวลา Steve Jobs ยังอยู่ เพราะว่าล่าสุดก็มีภาพการอัพเดทจากเว็บไซต์ของสภาเมือง Cupertino ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ออกมาให้เห็นความคืบหน้ากันแล้ว
จากภาพเราจักเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบของตัวสำนักงานได้ถูกเตรียมการเอาไว้ ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ยังไม่เห็นโครงสร้างหลักของตัวอาคารแบบเป็นรูปเป็นร่างเท่าไรนัก แต่ก็พอเห็นพื้นที่คร่าวๆ ที่ตัวอาคารหลักจะก่อสร้างว่าจักใหญ่โตอลังการขนาดไหน
ด้วยว่ากำหนดการเสร็จของสำนักงานแห่งนี้ อยู่ที่ช่วงราวๆ ปลายปี 2016 ซึ่งก็อีกแค่เกือบๆ 2 ปีเท่านั้น
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com

ผลโหวด ไทย/เทศ เห็นตามคัด Note 4

เทียบฟอร์ม กาแล็คซี่ โน้ต 4 vs ไอโฟน 6 พลัส ใครคือสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด?
     ถ้าพูดถึงยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟนในยุคนี้ คงไม่ใช่ใครนอกจากคู่รักคู่แค้นอย่าง แอปเปิล ด้วยกัน ซัมซุง ที่ล่าสุดทั้ง2ค่ายก็ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ จอใหญ่ออกมาเขย่าตลาดในเวลาไล่เลี่ยกัน
ขอบคุณที่มาของภาพ: www.knowyourmobile.com
     เกี่ยวกับ แอปเปิล เพิ่งเปิดตัว iPhone 6 พร้อมทั้ง iPhone 6 Plus ซึ่งเป็นไอโฟนจอใหญ่ที่สุด ขณะที่ ซัมซุง เปิดตัว Galaxy Note 4 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่เรือธง ที่มาพร้อมปากกา SPen เพราะว่าใช้งานเขียนและวาดบนมือถือที่มีลูกเล่นมากมาย
     แม้หลายคนสนทนาว่ากินกันไม่ลงแต่จากการสำรวจความนิยมสมาร์ทโฟนจอใหญ่ในดวงใจที่ผู้บริโภคใคร่ซื้อจากเว็บไซต์ยอดนิยมทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยดูเหมือนว่า Samsung GALAXY Note 4 จะมาแรงแซงโค้ง iPhone 6 Plus ไปแบบเฉียดฉิว
     เพราะเว็บไซต์ไอทียอดนิยมอย่าง www.pcmag.com เขียนบทวิเคราะห์เปรียบเทียบจุดอ่อนจุดแข็งของสมาร์ทโฟนจอใหญ่เพราะให้คะแนน GALAXY Note 4 สูงถึง 4.5/5 ชนะ iPhone 6 Plus ด้วยกัน LG G3 ที่ได้ไป 4 คะแนนเท่ากัน
     ขณะที่ www.phonearena.com ถอดสเป็คแบบเจาะลึกระหว่าง Samsung GALAXY Note4 พร้อมกับ iPhone 6 Plus แบบหมดเปโจษกก็ให้คะแนน Note 4 เฉือนชนะไปด้วยคะแนน 9.2 ต่อ 9.1
     ส่วนเว็บไทยอย่าง www.it24hrs.com นอกจากเขียนรีวิวเปรียบเทียบข้อมูลเพราะว่าละเอียด ก็เปิดให้ประชาชนโหวตเโจษกว่าชอบรุ่นไหนมากกว่ากัน ระหว่าง Samsung GALAXY Note 4 กับ iPhone 6 Plus ซึ่งผลปรากฏว่า Note 4 ชนะโหวตไปอย่างถล่มทลายที่ 1,235 คะแนนโหวต มากกว่า iPhone 6 Plus เกือบเท่าตัวที่ได้ไปเพียง 818 คะแนน
     ดังนั้นใครที่กำลังจะปลงใจเโจษกหาสมาร์ทโฟนจอใหญ่มาเป็นเจ้าของในเวลานี้ ก็ต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพื่อประกอบการตกลงใจว่ารุ่นไหนจักตอบโจทย์การใช้งานของตัวเรามากกว่ากัน

เทียบฟอร์ม วัสดุ-ขนาด-หน้าจอ
     โหมโรงจากรูปลักษณภายนอก Galaxy Note 4 ฝาหลังทำจากพลาสติก บุด้วยหนังเทียม ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน และการจับมือถือเหมือนจับวัสดุหนัง ส่วน iPhone 6 Plus วัสดุทำด้วยโลหะอลูมิเนียม การออกแบบตัวเครื่องที่สวยแต่ผิวสัมผัสค่อนข้างลื่น ทำให้มีโอกาสทำให้พลาดหลุดมือได้ง่าย
     ส่วนหน้าจอ iPhone 6 plus ขนาด 5.5 นิ้วซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไอโฟนมีจอใหญ่ขนาดนี้ แต่ก็ยังเล็กว่า Galaxy Note 4 ซึ่งมีขนาด 5.7 นิ้ว ทำให้การแสดงผลของ Galaxy Note 4 จักแสดงได้เต็มตากว่า iPhone 6 Plus เล็กน้อย
     ด้านความบางแม้ว่า iPhone 6 Plus มีความบาง 7.1 mm ซึ่งบางกว่า Galaxy Note 4 ที่มีความบาง 8.5mm แต่ความบางของiPhone 6 plus ก็ทำให้เกิดปัญหาเครื่องอาจงอได้เมื่อใส่กระเป๋ากางเกง เช่นกรณีที่เกิดปัญหาในต่างประเทศ ขณะที่น้ำหนักของ iPhone 6 Plus เบากว่าเล็กน้อยคืออยู่ที่ 172 กรัม ส่วนน้ำหนักของ Galaxy Note 4 หนัก 176 กรัม
     เพราะด้วยความละเอียดของหน้าจอ iPhone 6 Plus เป็นแสดงผลแบบ Full HD (1920x1080 401 ppi) ซึ่งชัดกว่า iPhone 6 ที่ความคมชัดระดับ HD ขณะที่ Galaxy Note 4 มีความละเอียดแบบ Quad HD (2560x1440 515 ppi ) พร้อมด้วยหน้าจอ Super AMOLED ทำให้เพราะรวมแล้ว Galaxy Note 4 มีความละเอียดสูงกว่า
     ขณะที่ iPhone 6 Plus มีให้เเล่าลือก 3 สี คือสีเงิน , สีทอง พร้อมกับ สีเทา , ส่วน Galaxy Note 4 มีให้เโจษจันก 4 สี คือ สีดำ (Charcoal Black), สีขาว (Frost White), สีทอง (Bronze Gold) ด้วยกันสีชมพู (Blossom Pink)
เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือ-NFC กับการใช้งานจริงๆ
     ทั้ง2 รุ่นมีเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งทั้งคู่ออกแบบไว้เพราะว่ารักษาความปลอดภัยในการปลดล็อคหน้าจอ แต่วิธีการสแกนจักแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะ iPhone 6 plus ใช้การสแกนเพราะกดปุ่ม home ค้างไว้สักครู่ครั้งเดียว ตัวเครื่องก็สามารถสแกนลายนิ้วมือไปด้วยพร้อมกันกับการปลดล็อกเครื่อง
     แต่เกี่ยวกับ Galaxy Note 4 ใช้วิธีการแตะแล้วปาดลงข้างล่าง (Swipe) ทะลุปุ่ม Home เพื่ออ่านลายนิ้วมือ พร้อมกันนี้ Note 4 ทำได้ใช้ชำระเงินผ่านทาง Paypal ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ
     ส่วนเทคโนโลยี NFC ทั้งคู่มีเหมือนกันแต่ลักษณะการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน โดย iPhone 6 Plus ใช้ NFC สำหรับ Apple Pay ในการชำระสินค้า แต่ขณะนี้ยังใช้ได้แค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพราะในไทย Apple Pay ยังไม่เปิดให้บริการ
     ขณะที่ Galaxy Note 4 กับสมาร์ทโฟน Android ที่รองรับ NFC ทำเป็นประยุกต์ใช้แตะเพื่อส่งภาพหรือวีดีโอไปยังสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง ไม่ก็ใช้เนื่องด้วยการเพราะสารรถไฟฟ้า ชำระสินค้าและบริการ ที่สำคัญคือทำได้ใช้บริการได้จริงในประเทศไทยแล้ว
Galaxy Note 4 แบตเตอรี่พลังอึด
     แบตเตอรี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชี้ขาดเพื่อการตกลงใจเลือกของผู้บริโภค ซึ่งในแง่ของพลังแบตเตอรี่ Note 4 ถือว่าได้เปรียบเล็กน้อยด้วยความจุสูง ถึง 3220 mAh ซึ่งมากกว่า iPhone 6 Plus ที่มีความจุถึง 2,915 mAh
     นอกจากนี้Note 4 ยังมีระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ทั้ง Power Saving Mode ที่ทำให้ Note 4 เป็นขาวดำ ซึ่งทำให้ใช้มือถือได้นานขึ้นเป็นวัน แม้แบตเตอรี่เหโจษจัน 10% อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Fast Charging ให้ชาร์จแบตเต็มเร็วขึ้น พร้อมทั้ง iPhone 6 Plus เป็นแบตเตอรี่ติดกับตัวเครื่องถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้ ส่วน Note 4 สมรรถถอดเปลี่ยนแบตใหม่ได้
     รวมทั้งจุดเด่นเรื่องสายเกี่ยวกับโอนข้อมูล พร้อมด้วยชาร์จมือถือที่ Note 4 สมรรถใช้สายชาร์จที่เป็น Micro USB ซึ่งหาง่ายในท้องตลาด ส่วน iPhone 6 Plus ต้องใช้สายแบบ lightning
Note 4 มาพร้อมลูกเล่น Wide Selfie
     เพราะด้วยคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพของ Galaxy Note 4 มีความละเอียด 16 Megapixel กับกล้องหน้า 3.7 Megapixel ซึ่งสูงกว่า iPhone 6 Plus ที่มีความละเอียดเท่ากับรุ่นเดิมที่มีความละเอียด 8 Megapixel และ กล้องหน้า 1.2 Megapixel และทั้งคู่มาพร้อม OIS ระบบป้องกันภาพสั่นไหวขณะถ่ายรูป นอกจากนี้ Galaxy Note 4 ยังมีลูกเล่น Wide Selfie ช่วยให้ถ่ายรูป Selfie ได้กว้างขึ้น
     นอกจากนี้ Galaxy Note 4 รองรับทั้ง Android Wear , Samsung Gear , Pebble ซึ่งมีจำหน่ายในเมืองไทยอยู่แล้ว จึงกลายเป็นมือถือที่รองรับรองรับ Wearable มากกว่า iPhone 6 Plus ที่ต้องรอจำหน่าย Apple Watch ในปี 2015
SPen เพิ่มประสบการณ์ใช้งานขีดเขียน
     กับที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของ Samsung Galaxy Note 4 คือปากกา SPen ไว้เพื่อจดบันทึก ขีดเขียน หรือวาดภาพ พร้อมด้วยเสริมลูกเล่นในการเรียกคำสั่งด้วย Air Command ซึ่งมีมาตั้งแต่ Galaxy Note 3 แล้ว นอกจากนี้ Galaxy Note 4 ยังทำได้ใช้ปากกาในการแบ่งควบดูแลหน้าต่าง Multi Windows ได้
     ซึ่งปากกา sPen ที่มีความแม่นยำในการเขียน ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น เช่นเชี่ยวชาญใช้เซ็นเอกสารแล้วส่งแบบอิเลคทรอนิกส์ได้ง่ายๆ ใช้ลากเส้น วาด เขียน หรือว่าเขียนตัวอักษรด้วยลายมือ แล้วระบบแปลงเป็นตัวพิมพ์ได้
     ประเด็นสุดท้ายที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปลงใจเละบือกซื้อก็คือสนนราคาซึ่งSamsung Galaxy Note 4 วางจำหน่ายในไทยในมูลค่า 25,900 บาทด้วยหน่วยความจำ 32GB ส่วน iPhone 6 Plus ค่าเครื่องเปล่าที่ขายในไทย อยู่ที่ 28,900 บาท หน่วยความจำ 16GB พร้อมด้วยขยับไปถึง 32,900 บาทเพราะว่าหน่วยความจำ64 GB ดังนั้นคราวเทียบในแง่สเปคกับมูลค่าแล้วก็ถือว่า Galaxy Note 4 ยังมูลค่าถูกกว่าอยู่ไม่น้อย

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความช่ำชองสัปดาห์แรกของผมกับ “iPhone 6”

ภายหลังวางขายในไทยเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่าเหล่าสาวก  คงไม่พลาด ไปเข้าแถวรอถอยเจ้า iPhone 6 หรือไม่ก็ iPhone 6 plus มาครอบครองในมือกันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ?
เรื่องรีวิวรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ หลายท่านอาจจักได้อ่าน หรือว่าเสพทะลุตาจากหลากหลายแหล่งข้อมูลมาแล้วไม่มากก็น้อย แต่เชื่อว่าโอกาสนี้ น่าจะยังมีเหล่า แอปเปิ้ลนิยม อีก หลายท่าน ที่กำลังคิดอยู่ว่า
เอ๊ะ! ฉันจะซื้อดีมั้ยหนอ? พร้อมๆกับมองไปยังไอโฟน 4, 4s, 5 ใช่ไหม 5s ที่อยู่ในมือทุกวันนี้

ส่วนของดีไซน์ด้านหน้าตัวเครื่อง 
ในฐานะที่ผมก็เป็นหนึ่งใน ผู้จงรักภักดี กับแบรนด์นี้มาพอสมควร ล่าสุดก็เพิ่ง ปลงเจ้า 5s ไปจากอ้อมอก เพื่อฉกเจ้า 6 มาแทนที่
ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ สนทนาเล่าเก้าสิบประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตอยู่กับ เจ้า iPhone 6 สีทอง 64 GB มาเป็นระยะเวลานานเกือบอาทิตย์เต็มๆ (เหมือนนานมากเนอะ ฮ่าๆ) เพราะว่าจะขอใช้ iPhone 5s คนรักเก่าของผม เป็นบรรทัดฐานในการเปรียบเทียบ เผื่อจะช่วยใครที่ยังลังเลอยู่ ตกลงใจได้ว่าสรุปแล้ว ซื้อดีมั้ยว้า?!
- น้ำหนักมากไปป่ะ?
ตามข้อมูลที่แอปเปิ้ลระบุมาว่า 6 จะ หนักกว่า 5s อยู่ 17 กรัม (129 กับ 112 ตามลำดับ) สร้างความคลางแคลงใจแก่สาวกอยู่ไม่น้อย จนหลายๆคน รวมถึงผมเองก็กังวลว่า เห้ย! รุ่นใหม่กว่า ทำไมไม่พัฒนาให้เบาลง น้ำหนักมากกว่าเดิมได้ไงฟระ?
ตัวเครื่องด้านขวา
ตัวเครื่องด้านซ้าย
ตราบใดได้ลองถือดูแล้วมัน ไม่ต่าง คือต้องอื้นว่าเจ้า 6 นี่มันไม่ได้หนักอะไรเลย ทันทีที่ลองเทียบกับ 5s แล้ว คนทั่วไปนี่แยกไม่ออกแน่ๆว่า 17 กรัมที่ว่า มันแตกต่างกันยังไง?
สรุปง่ายๆตามความเข้าใจของผมเองนะครับ คือเจ้า 6 เนี่ยมันไม่หนักหรอก เจ้า 5s ต่างสมมุติที่ออกมาครองโลกก่อน แต่ดันเบาเกิ๊น!
- ดีไซน์ตัวเครื่องใหญ่ไปมั้ย?
ข้อนี้ต้องเรียนตามตรงว่า สัมผัสแรก ณ ที่ร้าน ตอนหยิบขึ้นมานี่รู้สึกเลยว่า ใหญ่จังฟระ! แต่พอได้จับๆ ลูบๆคลำๆ จนริเริ่มชิน กลับรู้สึกว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่มือตัวเองรับไหว(ผมสูง 180 ซม. แต่ขนาดมือ ไม่ถือว่าใหญ่มาก ถ้าเทียบกับผู้ชายที่รูปร่างใกล้เคียงกัน)
ส่วน 6plus ที่วางอยู่ใกล้ๆกัน สัมผัสแรกที่หยิบขึ้นมา ผมนี่.. ถึงกับวางคืนที่เดิมเลยครับ!! ไอ้นี่แหละใหญ่เกินไปของแท้!
นำเครื่อง iPhone4s iPhone5s พร้อมทั้ง iPhone6 มาเปรียบเทียบหน้า
นำเครื่อง iPhone 4s iPhone 5s ด้วยกัน iPhone 6 มาเปรียบเทียบด้านข้าง
นำเครื่อง iPhone4s iPhone5s และ iPhone6 มาเปรียบเทียบด้านบน
ปุ่ม Home ที่เคยอยู่มุมขวาบน ถูกเปลี่ยนมาอยู่ด้านข้างขวาแทน ซึ่งตรงจุดนี้ผมมองว่าเจ๋งมาก เพราะว่าถ้าผมใช้มือซ้ายจับเครื่อง ตำแหน่งมันจักอยู่ตรงนิ้วชี้(ไม่ก็นิ้วกลางก็ได้)พอดิบพอดี
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้มือขวา นิ้วโป้งก็พร้อมจักกดได้พอดีเป๊ะเช่นกัน พร้อมกับอีกเหตุผลที่รับสั่งว่า ใหญ่ในระดับพอรับได้ก็คือ มันยังยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหน้าได้ ชนิดที่ไม่โผล่หัวแหลมเกินออกมา ให้เสี่ยงหล่นใช่ไหมหายนั่นเองครับ
- หน้าจอเป็นไง?
ดีทีเดียวครับ! ขนาด 4.7 นิ้ว ของ 6 ให้ความรู้สึกการมองที่แตกต่างมากๆจากหน้าจอ 4 นิ้วของ 5s ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เวลาที่เราดูไฟล์วิดีโอหรือเล่นเกมต่างๆ มันเก็บภาพได้มากขึ้น
ทำให้เราไม่ต้องเพ่งเยอะ จะสร้างแลนด์มาร์ค หรือไม่จะแชทไลน์ รู้สึกได้เลยว่า ฟิน มากขึ้นครันๆครับ คอนเฟิร์ม!
ด้านหน้าตัวเครื่อง
ด้านความละเอียดหน้าจอที่มากขึ้นจาก 1136x640 พิกเซล เป็น 1334x750 พิกเซล พร้อมทั้งจอรุ่นเก่าจาก Retina display เป็น Retina HD display ประสิทธิภาพดีขึ้นชัดเจนครับ
ส่วนฟังก์ชั่น Reachability ที่เพิ่มเข้ามา ด้วยการแตะที่ปุ่มสแกนนิ้วสองครั้ง เพื่อเลื่อนหน้าจอลงมาให้กดง่ายขึ้น กรณีที่นิ้วแตะไม่ถึงไอคอนแถวบน ก็ช่วยได้โข ใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีเลยทีเดียว
- กล้องชัดมั้ย?
แม้ว่าจำนวนพิกเซลจะยังคงยืนหยัดอยู่ที่กล้องหลัง 8MP พร้อมกับกล้องหน้า 1.2 MP เท่ากัน แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นคือ New Sensor ระบบ Autofocus แบบ Focus Pixel ซึ่งช่วยในการเกลี่ยแสงของภาพให้ดีขึ้น แถมยังเพิ่มขนาดของรูรับแสง
ทำให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น และมี Noise น้อยลงในกล้องหน้าครับ เซลฟี่กันสนุกกว่าเดิมล่ะงานนี้!
ด้านหลังตัวเครื่อง
ส่วนวิดีโอ ก็มีโหมด Slo-mo แบบ 240 fps เพิ่มขึ้นมา เรียกบ้านๆก็คือ มันถ่ายสโลว์ได้ช้ากว่าเดิมอีก ส่วนโหมด Time-lapse ที่เหมาะด้วยว่าถ่ายวิดีโอในเวลานานๆ ก็น่าสนใจครับ ถือเป็นลูกเล่นใหม่ของ iOS8 ได้เลย
ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกันครับ
- การทำงานของเครื่องเป็นไง?
ด้วยชิป A8 ที่พัฒนาขึ้น ตรงจุดนี้ก็มีข้อแตกต่างที่ดีกว่า A7 อยู่ไม่น้อยครับ จากการทดลองเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆ แม้เครื่องจะทำงานหนัก แต่ก็ดูไหลลื่น ไม่กระตุกติดขัด ด้วยกันภาวะ แอพเด้ง ก็ไม่มีให้เห็นเลย
ยังรวมไปถึงการเรียกข้อมูลในเครื่อง, การประมวลผลรูปภาพในบราวเซอร์ขณะท่องเว็บไซต์ก็ให้ความรู้สึกลื่นไหล เรียกง่ายๆแบบบ้านๆก็คือ ดูมัน ฉลาดขึ้นกว่าเดิม นั่นเองครับ เป็นฝ่ายถามปุ๊บตอบปั๊บ ตอบสนองได้ทันที ไม่มีอิดออด แต่ถ้ากรณีสัญญาณอินเตอร์เน็ทไม่ก็ไวไฟช้าเอง นั่นก็อีกเรื่องนึงนะจ๊ะ!
- แบตเตอรี่อึดขึ้นป่าว?
ถ้าตามข้อมูลที่แอปเปิ้ลแจ้งมา เขาบอกเล่าว่าจักอยู่ได้นานขึ้นกว่า 5s ราว 20% ซึ่งว่าตามตรงก็ถือว่าไม่มากนัก แต่ถ้าเทียบกับไลฟ์สไตล์ของผมกับเจ้ารุ่นเดิม ออกจากบ้านมาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า แบตเตอรี่เต็ม 100% เล่นแอพไม่ใช่หรือโทรเข้าออกตามปกติ ก็อยู่ได้ยันเลิกงาน 5 โมงเย็นครับ เหเล่าลือ 20-30%
แต่เพื่อเจ้า 6 นี่ จากการทดลอง ด้วยลักษณะการใช้งานระยะเวลาพอๆกัน ตั้งแต่เช้าอยู่ได้จนถึงก่อนนอน 4-5 ทุ่มก็ยังไหวครับ 20-30% มีเหละบือแน่ๆ และถ้าไม่แตะเลย ปลดเปลื้องทิ้งไว้ทั้งคืน ยันเช้าของวันรุ่งขึ้น แบตก็แทบไม่ลดเลย มากสุดก็แค่ 2-3% เท่านั้นที่หายไป
อย่างไรก็ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะครับ ถ้าเล่นเกมที่ความละเอียดสูงมากๆ หรือไม่ก็ใช้งานติดต่อกันเป็นชั่วโมงๆ ไม่ทันถึงเลิกงาน แบตคุณก็หมดอยู่ดีแหละ!
สรุปว่าประสบการณ์ใหม่ของผมกับเจ้า iPhone6 ในระยะเวลาสัปดาห์แรก ถ้าจักถามว่า ใช้ 5s อยู่ สมควรเปลี่ยนใหม่มั้ย?
ในฐานะคนที่เคยใช้ 5s มาก่อนเหมือนกัน ผมบรรยายได้เลยครับว่า..
ไม่ว่าจักใช้ 5s หรือไม่รุ่นไหนก็ตาม ถ้าจักซื้อ 6 มาใช้ รับรองไม่ผิดหวัง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ดีกว่าเดิมทุกอย่าง ถ้าจะมีจุดด้อยกว่าก็คงเป็นเรื่องเดียวคือ ความถนัดในการจับถือ นอกนั้นจุดเด่นของ 6 กลบ 5s มิดเลยครับ
ส่วน 6plus ขออนุญาตไม่พูดถึงนะครับ เพราะยังไม่มีประสบการณ์กินนอนอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าจะจำกัดความสั้นๆก็น่าจักได้ว่าiPhone6plus ไม่น่าจักใช่ไอโฟนที่เหมาะด้วยทุกคน
ก็อย่างที่กราบทูลตอนต้นล่ะครับ มันใหญ่เกินไปยิ่งๆ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เมืองไทยได้ทุบราคาวางขาย iPad Air 2 และ iPad mini 3 อย่างเป็นทางการแล้ว

เคาะแล้วเพราะว่ามูลค่าขายเครื่อง iPad Air 2 พร้อมด้วย iPad mini 3 รุ่น WiFi  อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพราะมูลค่าที่นำมาอัพเดทกันนั้นเป็นมูลค่าของ iPad Air2 พร้อมกับ iPad mini ที่ iStudio/iBeat by copperwired ทั้ง 2 รุ่นที่จักวางจำหน่ายในวันนี้นั้นมีปางรุ่น Wifi เท่านั้น





สนนราคา iPad mini ที่ iStudio/iBeatสนนราคาตามนี้

iPad mini Wi-Fi 16GB Space Gray อยู่ในสนนราคาที่ 13,400 บาท
iPad mini Wi-Fi 16GB Silver อยู่ที่มูลค่า 13,400 บาท
iPad mini Wi-Fi 16GB Gold อยู่ที่ราคา 13,400 บาท
iPad mini Wi-Fi 64GB Space Gray อยู่ในมูลค่าที่ 16,900 บาท
iPad mini Wi-Fi 64GB Silver อยู่ในค่าที่ 16,900 บาท
iPad mini Wi-Fi 64GB Gold อยู่ในมูลค่าที่ 16,900 บาท
iPad mini Wi-Fi 128GB Space Gray อยู่ที่ราคา 20,400 บาท
iPad mini Wi-Fi 128GB Silver อยู่ที่ค่า 20,400 บาท
iPad mini Wi-Fi 128GB Gold อยู่ที่ราคา 20,400 บาท
มูลค่า iPad Air2 ที่ iStudio/iBeatราคาก็ตามนี้

iPad Air2 Wi-Fi 16GB Space Gray อยู่ที่สนนราคา 16,900 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 16GB Silver อยู่ที่สนนราคา 16,900 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 16GB Gold อยู่ที่ราคา 16,900 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 64GB Space Gray อยู่ที่ราคา 20,400 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 64GB Silver อยู่ที่มูลค่า 20,400 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 64GB Gold อยู่ที่ราคา 20,400 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 128GB Space Gray อยู่ในราคาที่ 23,900 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 128GB Silver อยู่ในสนนราคาที่ 23,900 บาท
iPad Air2 Wi-Fi 128GB Gold อยู่ในมูลค่าที่ 23,900 บาท

ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

ติดตามข่าวสารไอที ไอแพด ไอแพดแบบใหม่ ไอแพดแอร์ได้ที่ : http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แจ็กพอตแตก! เนื่องด้วยคนที่ซื้อ iPhone 6/6 Plus ล็อตแรกๆ โดนแล้ว



ตัวเครื่อง iPhone 6/6 Plus ที่ขายในประเทศไทยล็อตแรกในไทย ส่อแววมีปัญหาเพียบ!!

เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจักได้สัมผัสเครื่องสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัท Apple กันบ้างแล้ว หลังจากที่เปิดให้มีการจองและส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าไปตราบหลายวันก่อน!!

ในเวลานี้นั้นมีรายงานจาก เว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง Pantip มีรายงานเรื่องปัญหาความผิดพลาดในเรื่องของการ QC ในเครื่องต่อให้เป็น Apple ที่เข้มงวดเรื่องนี้ก็ไม่รอดเช่นกัน



เพราะปัญหาที่เจอในทันทีนั้นค่อนข้างมีลักษณะใกล้เคียงกับกรณีของเครื่อง iPhone 5S ของปีที่แล้ว พวกลอตแรกโดนทุกราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปุ่มเขย่ามีเสียง ตอนแรกนึกว่าจักเป็นเรื่องปกติของเครื่อง ที่ไหนได้ คนซื้อลอตหลังๆ ไม่เจอปัญหานี้กันเลย

ล่าสุด iPhone6 กับ iPhone6 Plus ส่อแววจะได้เจอปัญหา defect ลอตแรกเหมือนเดิม ใครรีบซื้อรีบจองคงต้องเตรียมเซ็งไปตามระเบียบ

ซึ่งตัวเครื่องที่จักประสบปัญหานั้นเป็นเครื่องที่ได้รับมาจาก Apple Store Online พร้อมกับตามหน้าร้านต่างๆ เช่นพวก iStudio หรือว่าตามร้านผู้ให้บริการเครือข่ายต่างๆ ทางฝ่ายงาน ได้สรุปปัญหาที่เจอ มีดังถัดจากนี้

ปัญหาแรก สวิทช์เปิด/ปิดเสียงไอโฟน6 หลวมทุกเครื่องเลยไหมเนี่ยไปดูกันในเว็บเมืองนอก มีคนพูดถึงเรื่องนี้ด้วย



ที่มา: http://pantip.com/topic/32791590

ปัญหาที่สอง ไปรับเครื่อง iPhone 6 plus ตรวจสอบรอยต่อของจอกระจกกับตัวเครื่องไม่เน้น (ตรวจสอบกันดูให้ดี) วันนี้เจอมาแล้ว 2 เครื่อง ไปดูคลิปรีวิวของเมืองนอก เห็นเครื่องมีช่องเสียบบัตรเหมือนกระทู้ข้างบนเลย แต่เจ้าของเครื่องอาจไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ตัดผ่านๆไป




ที่มา:  http://pantip.com/topic/32789320

ปัญหาที่สาม หน้าจอหลวม มีช่องว่างนิดหน่อย กดแล้วมีเสียง เป็นปัญหาที่บุกเบิกบ่นกัน ส่วนในประเทศไทยอาจตามมาทีหลังเพราะเพิ่งขายเครื่อง



ที่มา:  http://pantip.com/topic/32789320

ปัญหาที่สี่ ปัญหานี้อาจ Basic มาก แต่อย่าลืมว่า iPhone 6 ใช้จอ LCD โอกาสเจออาจจักสูงกว่ายี่ห้ออื่นที่ใช้จอแบบอื่น ดังนั้นตอนที่ได้เครื่องมา ต้องเช็คให้ดีๆก่อน เตรียมพื้นแบล็คกราวดำล้วน-ขาวล้วนไว้เช็คที่จอโดยเฉพาะ





ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วฝากกันอีกเรื่องก็ละกันครับ เพราะว่ากรณีนี้ จอง iPhone6+ AIS ได้ รับของวันนี้ แต่เจอ dead pixel พนักงานให้ walk in มาซื้อหลังวันที่ 3 เลย ที่มา:   http://pantip.com/topic/32790429

แต่ๆ หลักๆ ที่ล็อตแรกน่าจักโดนกันถ้วนหน้าคือที่ปุ่ม เปิดปิดเสียง ขยับได้เบาๆ คือไม่แน่น ซ้ำรอยเดิม iPhone 5S ปีที่แล้ว เพราะว่าล็อตแรกคงโดนหมดทั้งจากการซื้อทะลวงศูนย์ในไทย พร้อมกับแน่นอนที่ซื้อสร้างผ่าน Apple Store ตั้งแต่วันนี้ พอได้เครื่องเดี๋ยวกระทู้บ่นพรึ่บ

ที่เคยพูดกันว่าซื้อไอโฟนล็อตแรกถ้าจักจริง ที่ต้องรอสัก 2 เดือนเป็นอย่างต่ำให้ line การผลิตแก้ defect ล็อตแรกๆ ก่อนถึงจักซื้อได้ นึกถึงบรรยากาศปีที่แล้ว เคลมกันใหญ่ๆ เขย่ามีเสียง ซื้อล็อตแรกเหมือนหนูทดลองยา

บางคนระบุประเทศไทยขายป่านนี้คงไม่ใช่ล็อตแรกแล้วมั้ง แต่เห็นโดน defect กันทุกปี งงป่ะละ? หรือไม่ไทยเราการผลิต มาตรฐานจักต่ำหรือว่าหย่อนยานกว่าประเทศกลุ่มที่ 1

เครื่องไทย โค็ดไทยอาจเป็นอีกไลน์ของกลุ่มประเทศที่แนวๆ เดียวกับเราก็ได้ คือมาตรฐานผลิตภัญฑ์ไม่ได้สูงมากเหมือนประเทศพัฒนาแล้วเคลมยากกว่า อะไรก็ยากกว่า ไม่ก็ล็อตแรกจักเอาเครื่องตีคืนจากกลุ่มประเทศแรกๆ มาปน ทำไมเจอถี่กว่าประเทศอื่น

ก็เพราะว่างั้นก็ขอแนะนำสั่งจาก Apple store ถ้าไม่ถูกใจหรือว่ามีปัญหา เครมรั่วๆ ได้เลยครับ(ค่าส่ง+ค่ามารับคืนเราไม่เสีย)

ประเด็นต่อมาที่ผมใคร่ได้ฝาก(เน้น) ให้เอาไปคิดกันนะครับ ด้วยมูลค่าของ iPhone 6/6 Plus ค่อนข้างสูง ก่อนรับเครื่องมานั้นรบกวนช่วยเช็คสินค้าให้ดีๆ ก่อนเอาแบบละเอียด สมมุติมีเพื่อนไปด้วยหลายๆ คนก็จะดี เช็คให้ทุกมุม ไม่ต้องส่วนว่าใครจักมองว่าเรา เรื่องมาก เงินเรา ของเรา

ต่างว่าเจอปัญหาหลักจากซื้อเครื่องไป เดินเข้าไปหาเถอะครับไม่ว่าจักเป็น Apple Store หรือไม่ก็ร้านผู้ให้บริการเครือข่ายต่างๆ ขอเคลมของเค้าไปเลยไม่ต้องกลัวใครมองว่าเรา กร่าง ไม่ก็ หัวหมอ สิทธิของเราใช้มันเถอะ

ขอบคุณ: pantip.com

ที่มา : http://hitech.sanook.com/1392589

ติดตามข่าวไอโฟน ไอโฟน 6 ไม่ก็ข่าวไอทีอื่นๆ ได้ที่ : http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไอโฟน 6 แรงจัด ยอดซื้อคึกคักปลุกกำลังจ่ายเงินช่วงท้ายปี ลงขันอัดฉีดเงินกระตุ้นยอดขายเต็มพิกัด ดีแทค จัดหนักใช้ครบปีเปลี่ยนเครื่องใหม่ฟรีหวังดูดลูกค้าคู่ชิง ทรูมูฟ เอช เผยกระแสดีกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า



แหล่งข่าวต่างๆในธุรกิจโทรศัพท์ มือถือกล่าวกับ ประชาชาติธุรกิจ ว่า ค่ายมือถือทุกเจ้าโหมกันเต็มที่เพื่อกระตุ้นยอดขายไอโฟนรุ่นใหม่ เพราะว่าประเมินแล้วว่าจะมีลูกค้าใหม่ที่ตะโกรงใช้ iphone พร้อมกับกลุ่มเดิมที่รอเปลี่ยน เครื่องแบบใหม่เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งทำให้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ไอโฟนน่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่ทำยอดขายได้ดีมาก แม้ช่วงที่ข้ามมากำลังซื้อในตลาดจักชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แอปเปิลเองก็มีแผนโปรโมตไอโฟนรุ่นใหม่อย่างเต็มที่ด้วย

งบของการตลาดกับในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพราะว่ารวม น่าจะเกือบ 500 ล้านบาท เพราะว่านอกจากแอปเปิลจะใส่เองแล้ว ในหนังสือสัญญาการตลาดที่ได้ทำไว้กับค่ายมือถือจะระบุไว้ชัดเจนว่าแต่ละบริษัทจะต้องเตรี ยมงบฯโฆษณาขั้นต่ำแต่ละปีๆไว้จำนวนหนึ่งอีกด้วย รวมกันแล้วคงหลายร้อยล้านบาท

ด้าน นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด พร้อมทั้งการขาย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) เปิดพูดว่า ภายหลังแอปเปิลได้วางจำหน่ายไอโฟน 6 ทั้ง 2 รุ่นเป็นทางการในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2557 เป็นต้นไป ถือเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน

ขณะนี้ จากทั้งดีไซน์และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนๆ ทำให้มีลูกค้ามาลงทะเบียนจองทะลวงเว็บไซต์ พร้อมกับสั่งซื้อเป็นจำนวนมากอีกด้วย ทั้งการที่ไอโฟน 6 ด้วยกัน 6 พลัส มีขนาดหน้าจอต่างกันทำให้ทำตลาดง่ายขึ้นอีกด้วย

เรา เตรียมแผนการตลาดเต็มตัว แต่ที่ไม่ได้จัดอีเวนต์ใหญ่ของในวันขายวันแรก ก็เพราะว่าต้องการให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสูงสุด โดยจะให้ลูกค้าเลือกระฉ่อนกสถานที่กับวันที่จักไปรับเครื่องได้เอง นอกจากนี้ยังให้สิทธิ์ลูกค้าเดิมที่ใช้งานตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป พร้อมด้วยใช้แพ็กเกจรายเดือนสูงกว่า 299 บาท ได้สิทธิ์ซื้อเครื่องราคาพิเศษ ติดอนุสัญญา 12 เดือน

เพราะว่ามูลค่าiphone 6 ของAISอยู่ที่ 24,300 บาท, 27,650 บาท และ 30,850 บาท (ความจุ 16, 64 และ 128 GB) ส่วนiphone 6 plus ราคา 28,150 บาท, 31,350 บาท และ 34,450 บาท ติดสาบาน 12 เดือน (เครื่องเปล่าสนนราคาแพงกว่า 2,000-5,000 บาท) ได้สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือนทุกธนาคาร ส่วนแพ็กเกจรายเดือนเริ่มต้นที่ 350 บาท (โทร. 150 นาที อินเทอร์เน็ตใช้ได้ไม่จำกัด (ความเร็วสูงสุด 2 GB) พร้อมทั้งฟรีไวไฟ)เพราะผู้ที่ลงทะเบียนจองซื้อเครื่องหมื่นคนแรกติดฟิล์มกันรอย ฟรี ด้วยกันรับเอไอเอส โมบายแคร์ นาน 4 เดือนฟรี

ด้านนายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดพูดว่า กระแสการสั่งซื้อไอโฟน 6 ทั้งสองรุ่นดีกว่าiphone 5s พร้อมด้วย 5c กว่า 3 เท่าตัว เหตุเพราะเครื่องมีลักษณะแตกต่างจากเดิมชัดเจน มีหน้าจอให้เละบือก 2 ขนาด ซึ่งยอดจองiphone 6 กับiphone 6 plus มีจำนวนใกล้เคียงกัน พร้อมกับพอประเทศไทยขึ้นมาเป็น กลุ่ม Tier 1 ที่แอปเปิลให้ความสำคัญ จึงไม่มีปัญหาเรื่องของไม่พอขายแน่นอน

เรายืนยันว่าได้ สินค้ามาบานตะไทที่สุดคราวเทียบกับคู่แข่ง ทั้งที่ได้มาขายให้ผู้บริโภคทั่วไป และแบ่งให้ไอสตูดิโอไปจำหน่ายอีกทาง ดังนั้นมั่นใจได้เลย ครั้งนี้สินค้าไม่ขาดเป็นเดือนเหมือนที่ข้ามมาแน่

ตราบใด ซื้อพร้อมแพ็กเกจรายเดือน เกริ่นต้นที่ 399 บาท จักอยู่ที่ 24,600 บาท, 28,550 บาท ด้วยกัน 32,400 บาท ด้วยiphone 6 กับ 28,550 บาท, 32,400 บาท ด้วยกัน 36,300 บาท เพราะiphone 6 พลัส ส่วนเครื่องเปล่าแพงกว่าที่ 1,000-3,000 บาท

ส่วน เครื่องเปล่าที่ขายทะลุทะลวง แอปเปิล สโตร์ ในไทย iphone 6 ราคา 24,900 บาท, 28,900 บาท ด้วยกัน 32,900 บาท iphone 6 พลัส อยู่ที่ 28,900 บาท, 32,900 บาท กับ 36,900 บาท

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ดีแทค) กล่าวว่า ดีแทคก็มีแพ็กเกจพิเศษ (UP Package) ให้ลูกค้าที่ซื้อเครื่องiphone 6 พร้อมกับ 6 พลัส พร้อมแพ็กเกจ คราวใช้บริการครบ 12 เดือน จักได้สิทธิ์แลกสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ฟรี ไม่ก็รับส่วนลดค่าเครื่อง เช่น ในแพ็กเกจ Up1 จ่าย 899 บาท/เดือน โทร.ฟรี 7 โมงเช้าถึง1 ทุ่ม ใช้อินเทอร์เน็ต 3G/4G-ความเร็วสูงสุดที่ 5GB รับส่วนลดจากค่าเครื่อง 19,000 บาท ครั้งนำiphone 6 มาแลกซื้อ พร้อมด้วยรับส่วนลด 20,550 บาท ครั้งนำiphone 6 พลัส มาแลกซื้อ เป็นต้น ถือเป็นครั้งแรกของเรื่องราวศาสตร์ของวงการที่มีแคมเปญในลักษณะนี้ คาดว่าในสิ้นปีจะมียอดขายกว่าแสนเครื่อง

กระแสiphoneแบบใหม่กับรุ่น ที่แล้วดีพอกัน แต่ซัพพลายครั้งนี้ดีกว่าบานตะไท ตราบใดไทยขึ้นเป็นเทียร์ 1 เรื่องของขาดกันแทบจะไม่มี ทำให้เรากระจายเครื่องไปยังช็อปทั่วประเทศได้ตั้งแต่31ต.ค. แต่ไม่อาจจักพูดได้ว่าถ้าเดินเข้าไปซื้อก็จักได้เครื่องเลยไหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ร้านขายโทรศัพท์มือถือในมาบุญครองหลายแห่งประกาศรับซื้อiphone 6 เครื่องศูนย์ทั้ง 2 รุ่น โดยให้ราคาเพิ่มจากราคาที่ซื้อตั้งแต่ 500-3,000 บาท ด้วยเหตุว่าประเมินว่าเครื่องในสต๊อกของโอเปอเรเตอร์อาจมีปัญหาไม่พอขายเกิดขึ้น จึงต้องการเก็บเครื่องไว้จำหน่ายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อในช่วงที่ของขาด ตลาด

ที่มา:http://hitech.sanook.com/1392601

ติดตามข่าวไอโฟน ไอโฟน 6 ไม่ใช่หรือข่าวไอทีอื่นๆ ได้ที่ :http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

LG G3 DUAL-LTE เตรียมตัวเปิดตัวอย่างเป็นทางการณรัสเซียในช่วงต้นเดือนนี้ ในราคามือถือที่ 21,000 บาท



LG ได้มีแผนที่จักเริ่ม LG G3 Dual-LTE ในรัสเซีย เพราะจักทำการเริ่มมือถือใหม่ อย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนนี้ และจะได้มีการเริ่มในค่ามือถือ 26,990 รูเบิล หรือไม่เกือบๆ 21,000 บาท

ซึ่ง LG G3 Dual-LTE นี้ได้วางขายไปแล้วใน จีน พร้อมกับ ฮ่องกง ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ทะลุทะลวงมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นได้เริ่มด้วยมูลค่ามือถือ 4,998 ดอลล่าร์ฮ่องกง หรือไม่ก็คะเน 21,000 บาท เช่นกัน

โดยรวมตัวสเปคของ LG G3 Dual-LTE ก็ยังคงเหมือนกับตัวซิมเดียว กับจอ 5.5 นิ้ว QHD IPS,ระบบ Android 4.4.2 KitKat, ประมวลผลด้วย Snapdragon 801 quad-core 2.5GHz, RAM 3GB กล้องอยู่ที่ 13MP พร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000mAh

แต่ว่าตัวนี้จักรองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE พร้อมทั้งสามารถใช้งานซิมการ์ดได้ถึง 2 ซิม โดยซิมนึงจะรองรับ LTE อีกซิมนึงจะได้แค่ 3G ปกติครับ

ประเดี๋ยวนี้ได้เกริ่นจะออกวางขายไปแล้วในประเทศต่างๆ แล้ว คาดว่าน่าจักมีมาไทยแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว เพราะโอกาสนี้ 4G ของแต่ละเจ้าก็ขึ้นต้นทะยอยเปิดให้บริการกันบ้างแล้ว

ที่มา: gsmarena

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>>  http://thaizones-hitech.blogspot.com/ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เพราะเหตุใด iPod Classic ถึงแม้ไม่มีขายแล้ว ?

ในขณะที่ทั้ง iPhone, iPad รวมไปถึงผลิตภัณฑ์รุ่นอื่นๆ จากแอปเปิล มีรุ่นต่อยอดออกมาอยู่เรื่อยๆ แต่เพราะด้วย  Classic นั้น เพราะเหตุใด แอปเปิลถึงเลิกขายแล้ว ล่าสุด Tim Cook ได้ออกมาไขข้อข้องใจเป็นที่เรียบร้อยครับ



เพราะ Tim Cook ซีอีโอของแอปเปิล ได้ออกมาเปิดปากว่า สาเหตุที่ แอปเปิล ต้องยกเลิกจำหน่าย iPod Classic เป็นก็เพราะว่าว่า วัสดุที่ใช้ผลิตหาไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ขนาด 1.8 นิ้ว ที่ทาง Toshiba เลิกผลิตไปแล้ว ประกอบกับจำนวนความต้องการ iPod Classic มีน้อยลง ทำให้ต้องยกเลิกการผลิต ด้วยกันเลิกขาย iPod Classic นั่นเอง


ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com/